ความท้าทายของงาน Beauty Show ในประเทศไทย
งานนิทรรศการสำหรับอุตสาหกรรมความงาม B2B ASEANbeauty2019 ได้จัดขึ้นที่ BITEC ในวันที่ 2-4 พฤษภาคม เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งเราได้รับโอกาสให้คอยช่วยสนับสนุนโซนบริษัทญี่ปุ่น “Japan Pavilion”
แต่เดิม โครงการนี้ได้เริ่มต้นเมื่อบริษัท UBM ASIA (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นเจ้าภาพงานได้เข้ามาปรึกษากับทางเราเกี่ยวกับปัญหาทางด้านการตลาดในการดึงดูดบริษัทญี่ปุ่น
สิ่งที่เรามุ่งหวัง คือ การสร้าง “บูธที่น่าสนใจที่สุดในห้องโถงนิทรรศการ”
ถึงแม้ว่า ใน China Pavilion และ Korea Pavilion จะเป็นบูธขนาดใหญ่ที่มีผู้จัดแสดงมากมายก็ตาม
ดังนั้น ก่อนอื่น เราจึงกำหนด Concept สำหรับบูธของเรา
อุตสาหกรรมความงามของญี่ปุ่นไม่ได้เข้าร่วมการจัดแสดงในงานนิทรรศการความงามของไทยมากนักและผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นนั้นมีความคล้ายคลึงและไม่แตกต่างกันมากกับตลาดความงามของไทย
เราจึงตัดสินใจเลือกใช้คำว่า「JAPAN RECOMMEND」เพื่อเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดไทย ในขณะเดียวกันก็ออกแบบโลโก้และให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม
ต่อไป เราได้สร้างเพจFacebook ของ JAPAN RECOMMEND ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการจัดนิทรรศการครั้งนี้ และเชิญบล็อกเกอร์ยอดนิยมที่คุ้นเคยกับสินค้าความงามของญี่ปุ่นมาเป็นบรรณาธิการ เราไม่เพียงแต่ลงรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของผู้จัดแสดงสินค้าเท่านั้น แต่เรายังลงเนื้อหาที่หลากหลายเกี่ยวกับเครื่องสำอางญี่ปุ่นและข้อมูลทางด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆเป็นภาษาไทยให้กับผู้ที่เข้ามาชมอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาทางด้านงบประมาณซึ่งทำให้ไม่สามารถลงโฆษณาได้ แต่เราก็สามารถรวบรวมผู้ติดตามได้ประมาณ 1200 คนในช่วงเวลาสั้นๆโดยแทบไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลย
ปัจจุบันเพจ Facebook นี้ยังคงดำเนินการและมีการลงเนื้อหาใหม่ๆอยู่เสมอ หากท่านใดกำลังพิจารณาแคมเปญการตลาดในประเทศไทยด้วยการใช้เครื่องมือเหล่านี้ ทางเรายินดีให้คำปรึกษา
https://www.facebook.com/JapanRecommend/
นอกจากนี้ ในวันแรกของการจัดนิทรรศการ เราได้เรียนเชิญบล็อกเกอร์ด้านความงามชาวไทยประมาณ 30 คนเพื่อให้มาอธิบายผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัทพร้อมกับแจกสินค้าตัวอย่างและแนะนำบูธของเราผ่านทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Instagram และ Twitter จนทำให้เราได้ยอดผู้ติดตามถึง 1,500,000 คนซึ่งทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ แต่จุดที่น่าสนใจและแปลกใจคือ สิ่งที่ผู้ชมส่วนมากนั้นสนใจกลับไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทอยากนำเสนอหรือแนะนำให้รู้จัก
เราได้มีการจัดเวทีภายในบูธเพื่อใช้ในการแนะนำสินค้า แต่ประเด็นคือ ควรทำอย่างไรจึงจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมคนไทยได้ เราจึงจ้างพิธีกร 2 ท่านที่อยู่ในวงการสินค้าความงามและสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้เพื่อสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ของแต่ละบริษัทพร้อมกับแปลเนื้อหาผลิตภัณฑ์ให้ผู้ชมฟังเป็นภาษาไทย นอกจากนี้ยังมีเวทีพิเศษขนาดใหญ่ที่เรียกว่าโซนสาธิตในห้องโถงซึ่งเราใช้ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ทุกวันในสไตล์เดียวกับ “Japan Session” และเรายังได้มีการถ่ายทอดสดรายการบนเวทีนี้ลงบนเพจ Facebook ด้วย ซึ่งทางเรารู้สึกว่าสามารถช่วยเรียกความสนใจจากผู้ชมได้มากขึ้น
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ Event Marketing ก็คือการทำให้ผู้เข้าชมเป็นสื่อโฆษณา โดยครั้งนี้ ทางเราได้เตรียม “พัด” และ “ถุงขนาดเล็ก” ที่มีโลโก้ JAPAN RECOMMEND ไว้ 1,000 ชิ้น และสามารถแจกในงานได้ทั้งหมด เนื่องจากอากาศในงานนิทรรศการค่อนข้างร้อน จึงมีผู้เข้าชมหลายคนใช้พัดของเราระหว่างเดินชมงาน ซึ่งในขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นการโฆษณาให้กับเรา และอย่างน้อยเราก็สามารถนำเสนอ JAPAN RECOMMEND ให้กับ 1,000 คนเหล่านี้ได้
นอกเหนือจากกิจกรรมการจัดนิทรรศการเหล่านี้แล้ว การทำแคมเปญ Digital Marketing ก่อนวันนิทรรศการผ่านทาง Facebook ก็มีผลสำคัญเช่นกัน ในระหว่างงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยได้เยี่ยมชมบูธ JAPAN RECOMMEND ของเรา ท่านได้แสดงความสนใจและถามคำถามต่างๆ ซึ่งช่วยให้เราได้รับความสนใจและได้รับการสัมภาษณ์จากสื่อเป็นจำนวนมาก
ในตอนนี้เราได้เริ่มวางแผนสำหรับปีหน้าแล้ว แต่อุปสรรคที่เราค้นพบจากงานครั้งนี้คือ FDA เนื่องจากกระบวนการรับรอง FDA ของประเทศไทยนั้นค่อนข้างมีความยากลำบากสำหรับบริษัทญี่ปุ่นและเราจะทำงานร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่าน UBM ASIA (ประเทศไทย) เพื่อพิจารณารายละเอียดกรณีพิเศษกระบวนการเหล่านี้เป็นกรณีพิเศษ
https://www.aseanbeautyshow.com/th-th/