ปิดตัวโฉมใหม่ “ศูนย์สิริกิติ์” พร้อมบริการในช่วงกันยายน 2565 !!!
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ยืนยันว่า จะเปิดให้บริการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในช่วงเดือนกัยยายน 2565 โดยจะปิดเพนพอยท์จากศูนย์เดิมให้รองรับกิจกรรมขนาดใหญ่ระดับเวิลด์คลาส มีพื้นที่ใหญ่ขึ้น 5 เท่า จาก 25,000 ตารางเมตร เป็น 300,000 ตารางเมตร พื้นที่รีเทลจาก 7,200 ตารางเมตร เป็น 12,000 ตารางเมตร ที่จอดรถ 3,000 คัน พร้อมทางเชื่อมใต้ดินทะลุรถไฟฟ้า MRT ยังใกล้กับ 2 สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ทั้งสวนเบญจกิติและสวนลุมพินี
https://goo.gl/maps/rqruiCQXwwyAb3wJ6
พื้นที่ในโครงการสามารถรองรับการจัดงานประชุมและนิทรรศการ ซึ่งประกอบไปด้วยฮอลล์สำหรับการจัดนิทรรศการขนาดใหญ่จำนวน 2 ฮอลล์ (ประมาณ 45,000 ตารางเมตร), ห้องสำหรับจัดประชุมสัมมนาขนาดใหญ่จำนวน 2 ห้อง (ประมาณ 10,000 ตารางเมตร) และห้องสำหรับจัดประชุมย่อยที่สามารถรองรับการประชุมได้กว่า 50 ห้องอีกด้วย
5 ไฮไลท์ที่สร้างจุดต่าง และเพิ่มประสิทธิภาพของ “ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์”
1.Accessibility
ทำเลที่สามารถเดินทางเข้าออกได้อย่างสะดวกสบายและใจกลางเมือง ทำให้ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นี้สามารถเข้าออกได้จากถนนด้วยกัน ซึ่งได้แก่ ถ.พระราม4, ถ.สุขุมวิท, ถ.รัชดาภิเษก และ ถ.ดวงทักษ์ นอกจากนี้ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ MRT อีกด้วย
2.Safety
การเพิ่มระบบความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อรองรับการจัดงานระดับโลก ตามมาตรฐานสากล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้าน Life Safety เป็นหลัก
3.Technology
การนำเทคโลโนยีที่ล้ำสมัยเข้ามาช่วยในการจัดการในส่วนต่างๆ ของศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้งานอินเตอร์เนตความเร็วสูงเทียบเท่า 6G เพื่อสนับสนุนการใช้งานในรูปแบบออนไลน์หรือไฮบริด พร้อมติดตั้งระบบในการเข้างานแบบไร้การสัมผัส หรือ Touchless Access ให้เข้ากับยุคสมัย หรือ New Normal อีกทั้งยังใช้ระบบในการควบคุมหรือจัดการพื้นที่อย่าง ระบบบริหารอาคารอัจฉริยะ หรือ Intelligence Event Platform Management System อีกด้วย
4. Flexibility
มีความยืดหยุ่นในการใช้งานพื้นที่สัมมนาหรือพื้นที่จัดงานมากขึ้น และทุกรูปแบบ ตอบโจทย์การเป็น The Ultimate Inspiring World Class Event platform for all ด้วยพื้นที่กว่า 300,000 ตารางเมตร และตอกย้ำการเป็นมากกว่า ศูนย์การประชุม ด้วยร้านค้าจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนที่เข้ามาในศูนย์สิริกิติ์แห่งนี้
5.Sustainability
เรียกได้ว่าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นี้ เป็นศูนย์ประชุมแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรองรับและผ่านมาตรฐานอาคารสีเขียว หรือ LEED ในระดับ Silver โดยเน้นใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด และสามารถนำไปรีไซเคิลได้มากกว่า 75 % รวมถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์โดยรอบของโครงการเพื่อประหยัดพลังงานไฟฟ้าและน้ำ และอาคารยังตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่สีเขียวอย่าง “สวนเบญจกิติ” โดยมีทางเชื่อมถึงกันจากศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์และสวนเบญจกิติ
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ได้ตั้งเป้าให้มีคนใช้บริการ 13 ล้านคนต่อปี และหลังเปิดบริการจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และบริษัทยังคาดหวังว่าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์จะได้รับคัดเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการประชุมเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปีนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลกำลังพิจารณาจะประกาศผลในเร็วๆ นี้