การตลาด B2B ในปี 2023 กับ 3 เทรนด์ที่น่าจับตามอง
หากพูดเป็นตัวเลขแล้ว 64% ของคนทำธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกากังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย สภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงจนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และ “the new normal” ที่ทำให้ผู้ซื้อยกระดับประสบการณ์ของตนในการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงการโต้ตอบกับสิ่งใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด นี่คือสิ่งที่เราคาดหวังได้จากการตลาดแบบ B2B และการซื้อที่เรากำลังดำเนินการต่อไปในปี 2023
1. การปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ยังคงเป็นกุญแจสำคัญ
ในปี 2023 ยังมีความคาดหวังว่าการทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลจะยังคงได้รับความนิยมอยู่ และบริษัท B2B จะต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจผู้ชมได้ดีขึ้น และนำเสนอเนื้อหาและประสบการณ์เฉพาะตัวที่ดึงดูดพวกเขา ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
– รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
– ใช้เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติ
– สร้างเนื้อหาที่ตรงเป้าหมาย
– ปรับแต่งข้อความในแบบรูปของคุณ
Case study ที่น่าสนใจ
ตัวอย่างหนึ่งของบริษัทที่ทำได้ดีในปัจจุบันคือ Spotify Spotify ใช้ข้อมูล (Data) เพื่อสร้างเพลย์ลิสต์ส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้แต่ละรายโดยอิงตามข้อมูลผู้ใช้ เช่น ประวัติการฟัง เพลย์ลิสต์ และคำค้นหา เพลย์ลิสต์เหล่านี้จะได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับรสนิยมทางดนตรีของแต่ละบุคคลและทำอยู่ตลอดเวลา อัปเดตเพื่อแสดงการตั้งค่าที่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น ค้นพบ Weekly และ Daily Mix ปรับแต่งประสบการณ์การฟังให้เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้นโดยให้ผู้ใช้ได้ฟังเพลงใหม่ตามพฤติกรรมการฟังของพวกเขา
2. AI และระบบอัตโนมัติจะแพร่หลายมากขึ้น (และต้องมีการควบคุมดูแลมากขึ้น)
การใช้ AI และระบบอัตโนมัติที่เพิ่มมากขึ้นในด้านการตลาด แสดงให้เห็นสัญญาณที่ดีในการสร้างแคมเปญที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น ในทางกลับกัน การห้าม ChatGPT ในอิตาลี สำนักข่าว CNBC รายงานว่า Garante หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของรัฐบาลอิตาลีสั่งห้าม OpenAI ให้บริการ ChatGPT เป็นการชั่วคราว หลังพบว่าละเมิดกฎความเป็นส่วนตัวของแอปพลิเคชันประเภทปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอายุของผู้ใช้ให้ไม่ต่ำกว่า 13 ปีนอกจากนี้ ChatGPT ยังไม่อนุญาตให้ใช้งานในจีน ฮ่องกง อิหร่าน และรัสเซีย และบางส่วนของแอฟริกานับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เป็นการเน้นย้ำถึงความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ความเสี่ยงและความท้าทายเพียงอย่างเดียวที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI และระบบอัตโนมัติในการตลาด ประสิทธิผลของอัลกอริธึม AI จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของการได้รับการฝึกอบรม อัลกอริธึม AI จึงสามารถบิดเบี้ยวเช่นกัน ส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติและความลำเอียงโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่า AI และระบบอัตโนมัติจะเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ แต่ธุรกิจต่าง ๆ ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ใช้สิ่งเหล่านั้นมากเกินไป การใช้วิจารณญาณของมนุษย์ และความคิดสร้างสรรค์ยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญของความพยายามทางการตลาดที่มีประสิทธิผลดีที่สุด แม้จะมีความเสี่ยงและความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับ AI แต่บริษัทหลายแห่งยังคงลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อปรับปรุงความพยายามทางการตลาดของตน ตัวอย่างหนึ่งคือ Salesforce
Einstein ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Salesforce มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ กำหนดเป้าหมายลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Einstein สามารถมองเห็นแนวโน้มและคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคตโดยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถพัฒนาแคมเปญการตลาดแบบกำหนดเป้าหมาย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า การวิเคราะห์และ Workflow อัตโนมัติจึงเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่มีให้ใช้งาน
บริษัทต่าง ๆ สามารถควบคุมศักยภาพของ AI และระบบอัตโนมัติได้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างแคมเปญการตลาด B2B ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น โดยใช้ยึดแนวทางที่มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรมในการรวบรวมข้อมูลและการใช้ข้อมูล
3.ประสบการณ์ของลูกค้าจะกลายเป็นจุดสนใจหลัก
ประสบการณ์ของลูกค้ามีบทบาทสำคัญในการมีอิทธิพลต่อความภักดีและการรักษาลูกค้า เพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าสำหรับประสบการณ์ที่ราบรื่นและเป็นส่วนตัวในทุกจุดติดต่อ บริษัทต่าง ๆ จะต้องลงทุนในการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม โดยได้รับเลือกจากลูกค้า เพื่อสร้างธุรกิจซ้ำอีกครั้ง
-ระบุโอกาสในการปรับปรุงประสบการณ์ในแต่ละขั้นตอนการทำงานร่วมกับลูกค้า
– รับฟังความคิดเห็นจากแบบสำรวจ บทวิจารณ์ และโซเชียลมีเดีย
– ฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับวิธีการให้บริการที่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า
Case study ที่น่าสนใจ
ในด้าน B2B บริษัท Adobe ได้รับการยอมรับในด้านการจัดลำดับความสำคัญของประสบการณ์ของลูกค้า
ด้วยชุดเครื่องมือทางการตลาดและการวิเคราะห์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ มอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวให้กับลูกค้า เช่น อีเมลที่ปรับแต่งให้เหมาะสม เนื้อหาเว็บไซต์ โฆษณาที่ตรงเป้าหมาย และแคมเปญโซเชียลมีเดีย เช่น Adobe Target ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ทำการทดสอบ A/B และนำเสนอเนื้อหาส่วนบุคคลสำหรับลูกค้ากลุ่มเฉพาะ ในขณะที่ Adobe Analytics ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าในทุกช่องทางและทุกจุดสัมผัส ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความชอบและพฤติกรรมของลูกค้า ช่วยให้พวกเขาพัฒนาความเป็นส่วนบุคคลได้มากขึ้น
และนี้คือ การตลาด B2B ในปี 2023 กับ 3 เทรนด์ที่น่าจับตามอง
อย่างไรก็ตาม อนาคตของการตลาด B2B มีแนวโน้มที่จะถูกกำหนดโดยเทคโนโลยี ซึ่งแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว มีส่วนร่วม และยั่งยืนให้กับลูกค้าได้มากขึ้น โดยการที่จะนำหน้าคู่แข่งได้คือ การไม่ลืมที่จะจับตาดูแนวโน้มใหม่ ๆ และอัพเดทกระแสต่าง ๆ ตลอดเวลา