2024.03.04

Like a Rolling Stone

บทสัมภาษณ์ [ผู้ที่ถูกเลือก] ของคุณยูกิ บัมบะ นักกีฬาฟุตบอลมืออาชีพในประเทศไทย

คุณยูกิ บัมบะ
เกิดที่จังหวัดชิงะ เล่นในตำแหน่ง กองกลาง หลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม Kusatsu Higashi และ มหาวิทยาลัยเกียวโตซังเกียว เขาได้เข้าร่วม SAGAWA SHIGA FC ของเจแปน ฟุตบอล ลีก (JFL) ในปี พ.ศ. 2552 และได้ย้ายไปสุพรรณบุรี เอฟซี ในไทยลีกดิวิชั่น 1 ในปี พ.ศ. 2555 เขามีบทบาทสำคัญในตำแหน่งกองกลาง และมีส่วนช่วยให้ทีมได้เลื่อนขั้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีก จากนั้นเขาก็ได้ลงเล่นให้กับสุพรรณบุรี บางกอก เอฟซี ชลบุรี BBCU (Big Bang Chula United) ไทยฮอนด้า นครปฐม ตราด บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เอฟซี เชียงใหม่ เอฟซี ราชนาวี และลำปาง เขาเป็นที่รู้จักในสมญานามว่า “มิสเตอร์เลื่อนชั้น” เนื่องจากได้เลื่อนตำแหน่ง 6 ทีมจาก 10 ทีมที่อยู่ในไทยลีกดิวิชั่น 2 ไปยังไทยลีกดิวิชั่น 1 ได้นั่นเอง ปัจจุบันเขากลับมาเป็นนักกีฬาให้กับสุพรรณบุรี เอฟซี อีกครั้ง

ให้ความสำคัญกับการเป็นมืออาชีพ จนได้มาที่ประเทศไทย

– ตอนนี้คุณเล่นให้กับทีมสุพรรณบุรี เอฟซี ซึ่งเป็นทีมที่ลงแข่งในลีกและเป็นทีมแรกในประเทศไทยที่คุณสังกัดใช่ไหมครับ
ใช่ครับ ผมอยู่ประเทศไทยมา เข้าปีที่ 12 แล้วครับ แล้วก็ได้กลับมาที่สุพรรณบุรีอีกครั้ง ผมรู้สึกดีใจครับที่ได้กลับเข้าไปเล่นในทีมที่เราเคยสังกัดเป็นที่แรก แล้วคุณรู้ไหมครับว่าจังหวัดสุพรรณบุรีอยู่ที่ไหน

– ผมเคยเห็นในแผนที่นะครับ แต่ก็ไม่เคยไป
ผมว่าคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก็อาจจะไม่ค่อยได้ไปเหมือนกันครับ ถ้าเป็นที่ประเทศญี่ปุ่นจะให้อารมณ์ประมาณตอนเหนือของภูมิภาคคันโตครับ

– คงเป็นแถว ๆ จังหวัดกุมมะสินะครับ (หัวเราะ) งั้นผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ ตั้งแต่แรกเลย ทำไมคุณบัมบะถึงเลือกมาที่ประเทศไทยเหรอครับ
ตั้งแต่เด็กผมมีความฝันว่า “อยากเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ” ครับ ในการแข่งขันเจลีก การโชว์ฟอร์มของคุณคาซู (คาซูโยชิ มิอุระ) มันเป็นอะไรที่โดดเด่นมากเลยครับ ตอนนี้ก็ยังติดตาตรึงใจอยู่เลยครับ มันทำให้ผมคิดว่า ตัวผมเองก็อยากจะเป็นแบบนั้นให้ได้บ้างจัง(หัวเราะ)
ตั้งแต่ตอนนั้นจนเข้ามหาวิทยาลัยผมก็ยังมีความฝันแบบนั้นมาโดยตลอด ผมได้เข้าร่วมการฝึกฝนของสโมสรมากมาย แต่ก็ไม่ค่อยมีข้อเสนอให้ไปเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพเลยครับ
ในเวลานั้นเอง ผมก็ได้รับคำชวนจากคนที่อยู่ทีม SAGAWA SHIGA FC ซึ่งเป็นทีมท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง ณ เวลานั้น พวกเขามีเป้าหมายคืออยากที่จะไปแข่งในเจลีก นั่นจึงทำให้ผมคิดว่านี่คงเป็นโอกาสในการก้าวสู่เส้นทางนักฟุตบอลมืออาชีพ ผมเลยได้เข้าร่วมการฝึกซ้อมและผ่านได้ในครั้งเดียว จากนั้นก็ได้เข้าสังกัดในทีมครับ

– เท่าที่ผมเห็น เจแปน ฟุตบอล ลีก (JFL) ก็แทบจะเป็นมืออาชีพกันหมดเลยนะครับ
เป็นทีมที่เก่งใช่ไหมล่ะครับและในช่วง 3 ปีที่ผมอยู่กับพวกเขา พวกเราคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 2 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ประมาณ 1 ปีหลังจากที่ผมเข้าร่วมทีมด้วยความคิดที่จะเป็นทีมมืออาชีพ แต่ผมก็ได้ยินข่าวลือว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้นเลยครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตัดสินใจว่าจะพยายามกับที่นี่ต่อและ จะพยายามดึงดูดความสนใจจากทีมเจลีก เพื่อที่ในที่สุดผมจะถูกชวนให้เข้าร่วมทีมเจลีก และผมก็ตั้งใจว่าจะทำแบบนั้นต่อไปเรื่อย ๆ ครับ

– เพื่อที่จะเป็นมืออาชีพ คุณก็เลยไปประเทศไทย แล้วทำไมคุณถึงต้องพยายามกับการที่จะเป็นมืออาชีพเหรอครับ
บางทีอิทธิพลจากสิ่งรอบข้างก็อาจเป็นปัจจัยหลัก ๆ เลยครับ เพราะผมถูกรายล้อมไปด้วยนักกีฬาที่ได้กลายเป็นนักกีฬามืออาชีพ และมีเพื่อนที่มีอุดมการณ์อันแรงกล้าครับ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกว่าผมต้องเป็นมืออาชีพให้ได้ครับ จากนั้นผมก็ได้ข่าวว่าคู่แข่งที่อยู่ใกล้ ๆ ได้แอบย้ายมาประเทศไทยด้วยความฝันอันแรงกล้า ผมเลยคิดว่า “ถ้านายจะเป็นมืออาชีพ ฉันก็ต้องได้เป็นมืออาชีพด้วยเหมือนกัน!”

– การมาไทยครั้งแรก มีอะไรที่เป็นกังวลไหมครับ
ไม่มีนะครับ หรืออาจจะแค่ลืมไปแล้วอะไรทำนองนั้นครับ (หัวเราะ) รู้สึกว่าตอนนั้นผมคิดแค่ว่า เป็นไงเป็นกัน! ผมไม่ห่วงอะไรเลยครับเพราะว่าเอเย่นต์ของผมบอกว่า “จากนี้ฟุตบอลไทยจะเป็นที่นิยมแน่นอน คุณได้เข้าร่วมทีมแน่นอน”
แต่บอกตามตรงว่าผมแอบกังวลเรื่องเงินอยู่นิดหน่อยครับ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาอาศัยในต่างประเทศ แล้วกว่าผมจะได้เข้าทีม ไม่รู้เลยว่าระหว่างนั้นจะต้องใช้เงินไปกับค่าครองชีพประมาณเท่าไหร่ ผมพกเงิน 100,000 บาท (ประมาณ 250,000 เยนตามอัตราแลกเปลี่ยนในตอนนั้น) ติดตัวไปด้วยครับ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเยอะไปหรือเปล่า ด้วยความที่ผมรู้สึกว่าจะใช้เงินแบบสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้ และกินอาหารรสเผ็ดไม่ค่อยได้ด้วย ช่วงนั้นผมเลยได้แต่กินข้าวมันไก่ทุกวันเลยครับ (หัวเราะ)

– ถ้าเป็นผม หากผมไปที่ประเทศไทยโดยไม่มีทีมที่สังกัดไว้อยู่แล้ว อาจทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องได้เลยล่ะครับ ผมยิ่งเป็นประเภทที่อ่อนไหวง่ายอยู่ด้วย…
อันที่จริงผมก็สงสัยเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่ได้สังกัดในทีมไหนขึ้นมา น่ากลัวแฮะ! (หัวเราะ)
แล้วก็ ที่จริงแล้วผมไม่ค่อยถนัดเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศสักเท่าไหร่ครับ ถ้าหากให้ไปต่างประเทศตอนนี้ผมก็คงกังวลครับ

– อย่างนั้นเหรอครับ ตอนนั้นคุณรู้สึกว่า “ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำ” ใช่ไหมครับ
ใช่ครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ตั้งใจว่าจะไล่ตามคู่แข่งให้ได้ครับ

– ในปัจจุบัน มีนักกีฬาในประชาคมอาเซียนจำนวนมากเลยใช่ไหมครับ แต่ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2555 ผมคิดว่าผมไม่ค่อยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาเท่าไรเลยครับ
ตอนที่ผมไปถึง ก็มีนักเตะชาวญี่ปุ่นอยู่แล้วประมาณ 10 คนนะครับ คงจะเป็นเพราะตอนนั้นโซเชียลมีเดียไม่ได้ใช้งานได้เหมือนตอนนี้ครับ เลยทำให้ไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ ในเวลานั้น ช่วงที่ฟุตบอลไทยเริ่มเป็นที่นิยมและคนที่รู้เรื่องนี้ก็ก้าวเดินต่อไปในเส้นทางนี้ครับ
ผมใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการหาทีมครับ แต่มีคนบอกกับผมว่าถ้าผมมาประเทศไทยตั้งแต่เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ ก็คงจะได้ทีมเร็วกว่านี้

ภาพสะท้อนของตัวเองและญี่ปุ่นผ่านมุมมองจากประเทศไทย

– มีจุดต่างของเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้เล่นระหว่างญี่ปุ่นและไทยไหมครับ
ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ ในประเทศไทยจะได้รับการประเมินตามตัวเลขและผลลัพธ์ครับ พวกเขาไม่ได้มองว่าคุณมีส่วนร่วมในฐานะกองกลางมากแค่ไหน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตั้งใจสร้างผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมตระหนักมาตลอด 12 ปีและยังคงทำอยู่ครับ ตำแหน่งของผมในฐานะกองกลางนั้นเป็นตำแหน่งที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวผมเองและกับทีมด้วยครับ ผมอยากทำคะแนนจากความสามารถของเพื่อนร่วมทีมผ่านบอลที่ผมส่งให้
ผมอยากที่จะทำคะแนนโดยการส่งบอลให้กับผู้เล่นคนอื่นและอาศัยศักยภาพของผู้เล่นคนนั้น ผมจะพูดกับทีมเสมอว่า “ให้วิ่งรอรับช่วงต่อ ถ้าหากผมได้ลูกฟุตบอล!” และแน่นอนว่าหากผมมีโอกาสผมก็จะพยายามทำคะแนนให้ได้แม้ว่ามีความหมายแง่ดีหรือไม่ดีอยู่บ้าง แต่มันก็ทำให้ผมมีความตั้งใจแรงกล้าที่ก้าวจะไปข้างหน้าต่อได้

– คุณถึงถูกเรียกว่า “มิสเตอร์เลื่อนชั้น” เพราะว่าคุณช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมของคุณและแสดงผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบทีมใช่ไหมครับ ผมได้อ่านบทความอื่นที่คุณพูดว่า “ความระมัดระวังตัวจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณได้ไปเล่นในต่างประเทศหนึ่งครั้ง”
นั่นก็เพราะว่า ผมจะถูกตัดสินจากผลงาน และแถมยังอยู่ในตำแหน่งผู้เล่นต่างชาติด้วยครับ ในประเทศไทย จะมีหลายๆ ทีมที่เปลี่ยนนักเตะกันทั้งหมดทุกฤดูกาล จะสร้างทีมใหม่โดยเปลี่ยนตั้งแต่ทีมระดับล่างจนถึงทีมเยาวชน เพราะฉะนั้น หากคุณไม่ชนะหรือไม่ได้ลงเล่น คุณก็จะถูกเปลี่ยนครับ แต่ในทางกลับกันมันก็จะเป็นโอกาสที่จะได้ย้ายทีมครับ ทันทีที่ลงเล่นแม้แต่เกมเดียวและได้รับการรายงานจากสื่อ ก็จะถูกสโมสรใหญ่จองตัวทันทีเลยครับ

– ถ้าแฮตทริกก็จะเป็นเรื่องใหญ่เลยสิ! วิธีสร้างทีมและวิธีการคิดแตกต่างไปจากญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิงเลยนะครับ
ญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับการสร้างทีมและจะใช้เวลาในการสร้างทีม 1-2 ปีครับ แต่ในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือจะต้องชนะให้เร็วที่สุด หากทำคะแนนไม่ได้ใน 5 เกมก็จะถูกเปลี่ยนตัวทันทีเลยครับ ผมไม่รู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องคืออะไร แต่ในประเทศไทยกระบวนการนั้นไม่สำคัญและจะไม่มีการรอเป็นเวลานานด้วยครับ

– คุณมีประสบการณ์ย้ายทีมมาแล้วหลายครั้งในแวดวงฟุตบอลไทย คุณมีข้อควรระวังในการสื่อสารกับทีมใหม่เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมเชื่อใจคุณไหมครับ
การแสดงผ่านการกระทำ โดยเฉพาะการวิ่งครับ ที่ญี่ปุ่นจะทุ่มเทในการวิ่งเพื่อสนับสนุนทีม แต่นักกีฬาไทยจะหยุดวิ่งเมื่อรู้สึกเหนื่อย ดังนั้นผู้ที่วิ่งจะโดดเด่นครับ ผมก็เลยจะวิ่งให้มากที่สุดเมื่อเข้าร่วมทีมใหม่ ก่อนอื่นเลยคือผมจะพยายามเคลื่อนไหวเพื่อให้คนอื่นได้รู้วิธีเล่นของผมครับ

– คุณแสดงมันผ่านการกระทำของคุณสินะ แล้วถ้านอกสนามล่ะครับ
ถ้าดื่มเหล้าด้วยกันก็จะสนิทกันเลยครับ ที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกันเลย ในประเทศไทย ทุกคนจะดื่มตามใจตัวเองโดยไม่มีการบังคับหรือถูกบังคับผู้อื่น มีหลายครั้งที่ดื่มจนเช้าเพราะคนคอแข็งเยอะ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะแกล้งเมาแล้วกลับบ้านเลยครับ (หัวเราะ) แต่โดยพื้นฐานแล้ว ในประเทศไทย คนที่มีแฟนหรือครอบครัว จะกลับบ้านทันทีหลังซ้อมเสร็จครับ จะไม่ค่อยไปดื่มกันถ้าไม่ได้เป็นคำชวนจากโค้ชครับ

มืออาชีพคืออะไรกันแน่

– ในความคิดของคุณบัมบะ ทีมแบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็นทีมที่ดีเหรอครับ
ในการแข่งขันกันเองระหว่างทีมสีแดงและสีขาว ทีมที่ผมคิดว่าดีก็คงเป็นทีมที่มีผู้เล่นสนับสนุนที่มีฝีมือและสามารถชนะเกมได้ครับ ผมคิดว่าการที่เราพึงระวังอยู่เสมอว่าผู้เล่นธรรมดา ก็สามารถพลิกเกมไต่ระดับขึ้นมาได้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ ในกีฬาฟุตบอล จริงอยู่ที่การทำความเข้าใจถึงกลยุทธ์การเล่นของผู้เล่นแต่ละคนหรือความสามารถนั้นส่งอิทธิผลอย่างมากแต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเล่นเป็นทีม ในการแสดงผลลัพธ์ออกมา ทีมที่แข็งแกร่งนั้นก็คงเป็นทีมที่เตรียมพร้อมเพื่อผลลัพธ์สำหรับทุกคนไม่ใช่เพียงแค่สมาชิกที่ลงสนามครับ

– ในฐานะที่เป็นผู้ถูกเลือก มีเรื่องอะไรที่ควรพึงระลึกอยู่เสมอไหมครับ
ในการที่จะแสดงผลลัพธ์ออกมานั้น ก็จำเป็นที่จะต้องลงสนาม ดังนั้นอันดับแรกผมใช้ชีวิตในตลอดทั้งสัปดาห์ในมุ่งไปที่การลงแข่งขัน เล็งที่การแข่งที่จัดขึ้นในวันเสาร์อาทิตย์ครับ แต่เนื่องจากพออายุเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการบาดเจ็บก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้ผมจึงคอยระมัดระวังในการไม่สร้างภาระให้แก่กล้ามเนื้อจนเกินไปเพื่อไม่ให้บาดเจ็บในขณะฝึกซ้อมครับ และจะพยายามไม่จิตตก แม้ว่าจะแพ้ราบคาบขนาดไหนก็ตาม

– อย่างนี้นี่เอง อันดับแรกคือการเข้าร่วมแข่งขันสินะครับ
ใช่ครับ ลงแข่งโดยไร้บาดแผล พอลงแข่งแล้วก็พยายามถึงที่สุดในการสร้างผลลัพธ์ออกมาภายในเวลา 90 นาทีครับ ผมอุทิศให้กับการมีชีวิตอยู่ในฐานะนักกีฬาฟุตบอลครับ

– สมแล้วที่เป็นมืออาชีพครับ
แน่นอนว่าผมก็ระวังที่จะไม่ให้เกิดการบาดเจ็บขึ้น แต่ตัวผมเองก็ชอบดื่มเหล้าและก็มีบ้างที่ไม่วอร์มอัพร่างกายครับ บางทีอาจจะคิดว่าผมดูเป็นคนที่มุ่งมั่นมาก แต่บางครั้งก็มีหลุดบ้างอยู่เหมือนกันครับ (หัวเราะ)

– สำหรับคุณบัมบะแล้ว ตัวตนที่เรียกว่า มืออาชีพ เป็นอย่างไรครับ
จริง ๆ ก็อยากจะบอกว่า “เป็นคนที่มอบความฝัน” อยู่นะครับ แต่ในความจริงแล้วผมคิดว่าคนที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเองและเพราะความสามารถนั้นเองจึงเรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพครับ
จากนั้นผมก็คิดว่าอยากจะลองเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพดู และผมตระหนักได้ว่านักฟุตบอลมืออาชีพนั้นสุดยอดขนาดไหนผมมายังประเทศไทยและเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ ได้พบกับผู้คนมากมายเลยครับ ได้รับคำแนะนำในเรื่องที่มีประโยชน์มากมาย และได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเหล่าผู้บริหารที่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีโอกาสได้พบมากขึ้น
เพราะเป็นอาชีพที่พิเศษจึงมีการพบเจอและโอกาสใหม่ ๆ เข้ามา คงจะเป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตแบบมืออาชีพตลอดชีวิต แต่ผมก็อยากที่จะใช้ข้อดีจากจุดนี้ต่อไปน่ะครับ

เพราะว่า ชอบ! ก็เลยอยู่ที่นี่

– ช่วยบอกความหมายของ “ชีวิตไม่ยุติธรรม จงเคยชินกับมันเถอะ” ที่ถูกโพสต์บนอินสตาแกรมหน่อยได้ไหมครับ
สังคมไทยหรือสังคมอื่นๆ เองก็คงมีเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเหมือนกัน ผมเชื่อว่าทุกคนเองก็คงมีเหมือนกันใช่ไหมครับ มีหลายครั้งที่ไม่ได้รับการชื่นชมแม้ว่าจะเล่นได้ดีก็ตาม หรือบางคนได้เข้าไปอยู่ในทีมที่ดีทั้งๆ ที่เล่นได้ไม่ดี นอกจากนั้นในประเทศไทยก็มีเรื่องการไม่ชำระค่าสัญญาด้วย แต่ว่ามันยังไม่เกิดขึ้นกับผมนะครับ ผมแค่เก็บไว้เป็นอุทาหรณ์เพราะมันอาจจะเกิดขึ้นก็ได้ แต่จะว่าไปถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น นักกีฬาคนอื่นๆ ก็จะพูดว่าจะไม่ฝึกซ้อมหากไม่ได้รับเงิน แต่นักกีฬาชาวญี่ปุ่นจะฝึกซ้อมครับ มันน่าจะต่างกันตรงความคิดนะครับ

– ทำไมคุณยังคงท้าทายความสามารถของตัวเอง ในประเทศไทยต่อไปเหรอครับ
การมาประเทศไทยก็ถือเป็นความท้าทายสำหรับผมนะครับ แต่ว่าตอนนี้คิดว่าการอยู่ประเทศไทยสบายกว่าเยอะเลยครับ ในฐานะนักกีฬาฟุตบอลผมได้รับกำลังใจเยอะมาก และผมได้หลงรักประเทศไทยเข้าเสียแล้วครับ

– คุณชอบอะไรในประเทศไทยเหรอครับ
ผมชอบการบอกว่า “ไม่เป็นไร” ของคนไทยมากเลยครับ ที่ประเทศญี่ปุ่นไม่ค่อยจะมีการไปทำงานหรือไปฝึกซ้อมสายสักเท่าไหร่ แต่ที่นี่ทุกคนมาสายกันเป็นปกติและมักจะพูดว่า “ไม่ได้ตั้งใจจะมาสายนะ” หรือ “ช่างมันเถอะ” อะไรทำนองนั้น ก็มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกหงุดหงิด แต่การโกรธไปเองคนเดียวมันรู้สึกหงุดหงิดตัวเองนิดหน่อยก็เลยไม่โกรธดีกว่า (หัวเราะ)
การมีกับไม่มีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างถือเป็นความต่างที่ยิ่งใหญ่มากเลยครับ ผมคิดว่าเป็นที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็คงต้องการครับ แล้วผมก็ยังชอบร้านอาหารริมทางด้วยครับเพราะทุกคนให้บริการอย่างดีมากเลยครับ

– คุณดูสนิทสนมกับผู้คนดีนะครับ
ผมชอบในจุดนี้มากเหมือนกันครับ

– ดูเหมือนว่าคุณตั้งเป้าที่จะทำงานนี้ต่อไปจนถึงอายุ 40 เลยนะครับ พอจะช่วยบอกถึงเป้าหมายในอนาคตหน่อยได้ไหมครับ
ในตอนอายุ 35 ปี ผมตัดสินที่จะเป็นนักฟุตบอลชาวญี่ปุ่นที่เก่งที่สุดในประเทศไทย ในตอนนั้นไม่มีนักฟุตบอลที่อายุ 40 ปี อยู่เลย แต่กลับมีนักฟุตบอลที่อายุ 41 ปีอยู่! เพราะฉะนั้นผมก็เลยต้องกำหนดอายุให้มากกว่าเขาใช่ไหมครับ (หัวเราะ) ก่อนอื่นผมอยากจะทำจนกว่าจะทำได้ครับ มีหลายคนบอกผมเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับอาชีพที่สอง แต่ว่าตอนนี้ผมอยากจะโฟกัสกับฟุตบอลให้เต็มที่สุดครับ ในตอนนี้ผมใช้ชีวิตโดยคำนึงถึงการทำอะไรให้เสร็จไปทีละอย่างก่อน ในระหว่างนั้นก็อาจจะค้นพบอะไรบางอย่างก็ได้ครับ

– อะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้คุณทำงานนี้มาได้อย่างยาวนานเหรอครับ
คงเป็นเพราะผมชอบฟุตบอลมั้งครับ ทั้งชอบดูและชอบเล่นด้วย บางทีก็เครียดจนอยากจะบ่นมันออกมาเลยครับ แต่ที่ทำมาได้จนถึงขนาดนี้ก็เพราะว่าชอบแหล่ะครับ แล้วก็อยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบด้วย ถึงแม้จะอายุ 40 แล้วก็อาจจะเติบโตได้อีก แต่ปีหน้าอาจจะลาออกก็ได้ครับ

– คุณอยากที่จะประสบความสำเร็จอะไรในประเทศไทยผ่านการทำงานในฐานะนักฟุตบอลครับ
ผมอยากทำอย่างนี้ไปนาน ๆ และอยากได้รับคำชมจากทุกคน แต่ท้ายที่สุดแล้วผมก็อยากที่จะโดดเด่น (หัวเราะ) อยากให้มีคนบอกว่ามันสุดยอดมากเลยที่เล่นได้แบบนั้นในวัยขนาดนี้ แฟนบอลของผมรู้เรื่องนี้ดี แต่ผมอยากให้คนไทยรู้เรื่องนี้ด้วย ผมอยากจะถ่ายทอดข้อดีของฟุตบอลญี่ปุ่นด้วย!

– ยังมีนักธุรกิจจำนวนมากที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการ พวกเขาควรจะใช้แนวทางไหนดีครับ
แทนที่จะพยายามทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ ควรทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีกว่า ถือเป็นความคิดที่ดีเลยนะกับการปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการในเรื่องที่เราไม่ถนัด ส่วนตัวเราเองก็ทำสิ่งที่ตัวเองทำได้อย่างสุดความสามารถ