2024.03.04

Like a Rolling Stone

ดำเนินชีวิตอยู่กับ “ปัจจุบัน” ในประเทศไทย! ความท้าทายของคุณวาตานาเบะผู้หลงใหลในผลไม้และผู้คน

คุณ เคนอิจิ วาตานาเบะ
ประธานบริษัท เคแอนด์จี โปรเจค จำกัด
หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาได้เข้าทำงานที่องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) หลังจากทำงานในฝ่ายบริหาร ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 เขาได้รับมอบหมายให้มาประจำการ ณ สำนักงานที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ขณะประจำการอยู่ที่ประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปี เขาได้สัมผัสถึงเสน่ห์และความน่าสนใจของผลไม้ไทย และเมื่อเกษียณอายุในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 เขาจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทของตนเอง ในปัจจุบัน เขาได้ดำเนินธุรกิจฟาร์มที่มุ่งหวังทำให้ผลไม้ไทยเป็นสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ และยังมีธุรกิจด้านการท่องเที่ยวฟาร์มที่จะให้ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและผู้ผลิตโดยตรง เช่น การเก็บเกี่ยวผลไม้

ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่ทำให้ผมหลงใหลได้ในทันท

– เราได้เห็นอินสตาแกรม “nobithailand” ของคุณแล้ว มันมาจากชื่อตัวละครดังอย่าง “โนบิตะ” ใช่หรือไม่
ใช่ครับ ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 2 อย่าง อย่างแรกคือ ตัวละครที่ชื่นชอบอย่าง “โนบิตะ” และอีกหนึ่งอยากคือ “ประเทศไทย” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมชื่นชอบ ดังนั้นผมจึงได้ตั้งชื่อว่า “nobithailand” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศไทย ตั้งแต่เริ่มต้นผมไม่เก่งในการใช้งานอินสตาแกรม จึงทำให้ไม่ได้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้ ผมได้รับคำแนะนำให้ลองใช้อินสตาแกรมดูโดยถูกบังคับให้เปิดบัญชีใช้งาน (หัวเราะ) ส่วนชื่อบัญชีนั้น ผมได้มาจากตอนที่ผมไปเที่ยวกับเพื่อนๆคือผมเป็นคนที่หัวเราะอยู่ดี ๆ ก็หลับได้แล้วทันทีที่ตื่นขึ้นมาผมก็ยังจะหัวเราะได้อีก เพื่อนผมเลยพูดว่า “นายเป็นโนบิตะเหรอ ถึงหลับภายใน 3 วินาทีได้!” และเนื่องจากผมสวมแว่นตาด้วย เลยตัดสินใจตั้งชื่อนี้เป็นชื่อบัญชีครับ

– นั่นก็ตลกดีนะ (หัวเราะ) เหมือนว่าคุณวาตานาเบะจะมีการโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับผลไม้และการท่องเที่ยวบนอินสตาแกรมด้วย คุณช่วยเล่าให้เราฟังเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจของคุณหน่อยได้หรือไม่
ผมได้ก่อตั้งและบริหารงาน บริษัท เคแอนด์จี โปรเจค จำกัด การที่ชาวต่างชาติจะก่อตั้งบริษัทในประเทศไทยได้นั้น จะต้องมีการลงทุนจากคนไทยอย่างน้อย 51% ดังนั้นผมจึงเปิดบริษัทนี้ร่วมกับคุณแกรนด์ ที่ทำธุรกิจสวนมะม่วง ให้มาเป็นหุ้นส่วนของผม เราได้ตั้งชื่อบริษัทว่า บริษัท เคแอนด์จี โปรเจค จำกัด เพราะว่าเป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยเคนและแกรนด์ครับ (หัวเราะ) ธุรกิจของเรามีสองปัจจัยหลัก โดยปัจจัยที่หนึ่งคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรครับ เรากำลังตั้งใจและพยายามทำให้ผลไม้ของไทยที่ทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นไม่รู้จักกลายเป็นสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยคือธุรกิจการท่องเที่ยวครับ เราได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในฐานะบริษัทเพื่อให้เราสามารถพาลูกค้าไปเที่ยวชมที่ฟาร์มและเก็บผลไม้ได้ เราเริ่มต้นด้วยการพาลูกค้าไปเก็บผลไม้ และได้รับเสียงตอบรับกลับมาว่า “การมีปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านเป็นเรื่องสนุก” ขณะนี้ เราจึงกำลังวางแผนทริปท่องเที่ยวมายังประเทศไทย โดยที่ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ทางชนบทที่หลากหลาย ซึ่งการพัฒนาบริษัทผ่านกิจกรรมและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นขณะดำเนินธุรกิจจึงกลายเป็นจุดแข็งของเราครับ ในส่วนของธุรกิจฟาร์มนั้น เราได้รับคำขอว่าอยากให้ทำการวิจัยเกี่ยวกับฟาร์มเพิ่มมากขึ้น แต่เกษตรกรจำนวนมากไม่ค่อยชอบให้คนที่เพิ่งเคยเจอกันเข้าไปชมภายในฟาร์มของตนเอง ทางเราเลยใช้ฟาร์มทั้ง 96 แห่ง ที่มี connection ด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร

– อะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณตัดสินใจทำงานที่เกี่ยวกับการแนะนำประเทศญี่ปุ่น
ผมจบจากมหาวิทยาลัยโดชิชะ ในเกียวโต และเข้าร่วมกลุ่มวิจัยเมืองโบราณ และผมได้ทำกิจกรรมอาสา พานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปสถานที่ต่าง ๆ อย่างเช่น ศาลเจ้ายาซากะ และวัดชิออนอิน ผมรู้สึกชอบและคิดว่าการถ่ายทอดเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่นให้ชาวต่างชาติได้เห็นเป็นเรื่องที่สนุกมาก ขณะที่ผมกำลังพิจารณาหาบริษัทเพื่อเข้าทำงาน ผมตัดสินใจสมัคร JNTO ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งสามารถเป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่น ที่มีอิทธิพล ทำงานไว และสุดท้ายผมก็ได้เข้าทำงานกับทางองค์กรครับ

– และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณตัดสินใจมาประเทศไทยใช่ไหม
หลักจากที่ผมได้ทำงานที่ JNTO มาเป็นเวลา 4 ปี ผมก็ได้มาประจำการที่ประเทศไทย แต่จริง ๆ แล้ว ผมอยากจะไปประจำการที่ประเทศเยอรมนี เพราะผมคิดว่าการที่ผมได้มาทำงานที่ JNTO มาจากการที่ผมมีทักษะด้านภาษาเยอรมัน ในขณะที่ผมทำงานที่ JNTO ผมได้รับมอบหมายให้ทำงานในแผนกธุรการ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการจัดการธุรกิจและทรัพยากรบุคคล และในระหว่างนั้นผมก็ได้ยื่นคำร้องขอย้ายไปประจำที่สำนักงานในเมืองแฟรงก์เฟิร์ตทุกปีแต่คำขอของผมก็ไม่ได้รับการอนุมัติ
ต่อมาผมถูกย้ายให้มาประจำที่สำนักงานในกรุงเทพฯ โดยเหตุผลที่ว่า “คุณมีลักษณะนิสัยแบบไทย ๆ นะ” ตอนนั้นผมคิดว่าผมได้หลุดออกจากเส้นทางการเติบโตในสายงานไปแล้ว แต่ครอบครัวของผมได้ให้คำแนะนำว่า “ควรไปนะ” หลังจากนั้นผมจึงตัดสินใจมาประเทศไทยแค่ชั่วข้ามคืนเลยครับ

– ชั่วข้ามคืนเลยเหรอ!
ใช่ครับ (หัวเราะ) ตอนที่ผมมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ คนขับแท็กซี่ก็เรียกผมว่า “ชาโจ!” (มีความหมายว่า ท่านประธาน) ขณะที่พวกเราได้พูดคุยเรื่องต่าง ๆ กันบนรถ ทำให้ผมรู้สึกประทับใจในความร่าเริงของเขามาก มันเป็นเพราะความร่าเริงแจ่มใส ความกระตือรือร้น หรือความเป็นกันเองของเขาหรือเปล่านะ ที่ทำให้ผมรู้สึกได้ทันทีถึงเสน่ห์ของประเทศไทยระหว่างนั่งแท็กซี่คนขับเขาคุยกับผมเป็นภาษาอังกฤษอย่างสนุกสนานซึ่งทำให้ผมรู้สึกสบายใจ แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนนั้นเหมือนผมจะถูกเอาเปรียบเรื่องค่าแท็กซี่นิดหน่อยนะ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผมก็ยังรู้สึกขอบคุณเขาจริง ๆ และผมก็ได้เริ่มเรียนภาษาไทยตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยครับ เพราะผมอยากสื่อสารกับทุกคนได้ไว ๆ

ผลไม้ที่น่าสนใจที่พบในต่างจังหวัด

– คุณหันมาสนใจผลไม้ได้อย่างไร
หลังจากมาอยู่ประเทศไทยได้ประมาณ 6 เดือนและผมเริ่มมีความมั่นใจในทักษะภาษาไทยของตนเอง ผมได้ตัดสินใจไปจังหวัดเชียงใหม่เพื่อไปเยี่ยมชมชนบท ผมได้เข้าร่วมเทศกาลโคมลอยที่มีชื่อเสียง ตอนนั้นผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากและหลงใหลไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างแท้จริง ผมจึงคิดว่า “ต่อจากนี้ผมจะไปเที่ยวอีกเยอะ ๆ เลย! ” พอคิดได้แบบนั้นก็เกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส และผมก็ไม่สามารถไปที่นั่นได้สักพักหนึ่ง แต่หลังจากสถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัสได้คลี่คลายลง ผมก็ได้ไปเที่ยวประมาณ 4 แห่ง ใน 1 เดือน
ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ผมรู้สึกประทับใจกับผลไม้เป็นพิเศษ ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวนั้น ผมรู้สึกประทับใจกับผลไม้เป็นพิเศษ ด้วยที่ผมชอบการเก็บผลไม้มาตั้งแต่เด็ก ๆ จึงได้เห็นผลไม้จากภูมิภาคต่าง ๆ ขณะที่เดินทางท่องเที่ยว เช่น สับปะรด มีขนาด รสชาติและความฉ่ำแตกต่างกันแล้วแต่ละภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์สับปะรดที่ปลูกทางภาคใต้ที่อยู่ใกล้ทะเล พันธุ์ที่ปลูกบนภูเขาทางภาคเหนือและพันธุ์ที่ปลูกในทุ่งนาทางภาคตะวันออก
ผมตกใจกับมะม่วงของคุณแกรนด์ที่เป็นหุ้นส่วนของผมเหมือนกันครับ ความนุ่มของเนื้อมันแตกต่างจากมะม่วงทั่วไปมาก ไม่มีเส้นใยแข็ง ๆ ใช้ช้อนตักก็นุ่มเหมือนพุดดิ้งเลย ! เหมือนเป็น “พุดดิ้งมะม่วงที่มาจากธรรมชาติ” ที่ขึ้นเป็นต้นเลยครับ หลังจากได้ชิมครั้งแรก ผมก็ซื้อกลับไปแจกคนอื่นๆประมาณ 50 ลูกเลย เพราะผมอยากให้ทุกคนได้ลองชิมผลไม้ที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการซื้อของออนไลน์จากอินสตาแกรมของผมครับ

– ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณตัดสินใจทำงานเกี่ยวกับผลไม้แบบเต็มตัว เพราะเราคิดว่าการลาออกจากงานที่มั่นคงไปทำงานต่างประเทศนั้นจะต้องใช้ความกล้าอย่างมาก
เหตุผลแรกคือ สงครามในยูเครนที่เริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 ครับ ในข่าวทางทีวี ได้ถ่ายติดเจ้าของร้านคนหนึ่งที่กำลังร้องคร่ำครวญต่อหน้าร้านของเขาที่กำลังถูกไฟไหม้จากการถูกจรวดโจมตีว่า “ร้านของฉัน!” หลังจากที่ผมเห็นภาพนั้น ทำให้ผมรู้สึกว่าผมเองโชคดี
ยกตัวอย่างเช่น ในชีวิตของผม เมื่อคิดว่าถ้ามีสงครามเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ผมอยากจะทำอะไร คำตอบก็คือ ผมอยากให้คนญี่ปุ่นได้รู้จักเสน่ห์ของประเทศไทยที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ อีกทั้งผมก็อยากให้คนไทยได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นด้วยครับ
การดำรงอยู่ของ “nobithailand” ก็มีความสำคัญเช่นกัน ในขณะที่ผมกำลังแชร์ข้อมูล ผมได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่กดไลค์โพสต์ของผมเป็นจำนวนมากซึ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าผมสามารถดำเนินการในสายงานนี้ต่อไปได้ แน่นอนว่ามีบางคนที่มีความคิดเห็นเชิงลบ แต่คนที่ให้การสนับสนุนในสายงานนี้มีจำนวนมากกว่าเป็นอย่างมาก วันต่อมาหลังจากที่ผมได้พูดกับครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมจึงยื่นใบลาออก

– คุณตัดสินใจได้เร็วมาก!
เพราะผมรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนขี้กลัว ดังนั้นถ้าผมไม่ลงมือทำทันที ผมก็จะไม่ได้ทำสักที เรื่องที่มาประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ผมอาจจะไม่ได้มาก็ได้ ถ้ามีเวลาให้การตัดสินใจเพราะผมอาจจะลังเล (หัวเราะ) อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมตัดสินใจลาออกก็เพราะผมได้เรียนรู้การพูดภาษาไทยได้ในระดับหนึ่งแล้ว หากสิ่งที่ผมจะทำไม่ประสบผลสำเร็จ ผมคิดว่าตัวผมเองสามารถกลับไปที่โอซาก้าและทำงานเป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยวเป็นภาษาไทยได้ เพราะผมน่าจะทำได้โดยการใช้ทักษะด้านภาษาและความร่าเริงของตัวเอง

– คุณรู้สึกมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเมื่ออยู่ที่ประเทศไทยด้วยใช่ไหม
นั่นน่ะสิครับ ประเทศไทยทำให้ผมเปลี่ยนไปจริง ๆ ครับ
ผมคิดว่าคนญี่ปุ่นรวมทั้งตัวผมด้วย บางครั้งถูกเลี้ยงด้วยความคิดที่ว่า “ต้องทำแบบนี้นะ” หรือ “นี่เป็นทางที่ถูกต้องนะ” แต่คนไทยกลับบอกว่า “ชีวิตเป็นของคุณเอง อยากให้ใช้ชีวิตที่ให้ความสำคัญกับความต้องการและความรู้สึกของตัวคุณเอง!” (หัวเราะ)
ตอนที่ไปสวนลุมพินีครั้งก่อน มีพี่ผู้ชายใช้ทรายในการสร้างศิลปะ ซึ่งวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ไม่ได้ทำงานบริษัทแล้วมาแสดงตามท้องถนนนั้น อาจจะถูกสังคมมองว่าเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่พี่ผู้ชายคนนั้นกลับสร้างศิลปะที่น่าสนุกด้วยรอยยิ้มและดูมีความสุขมากจริง ๆ ผมคิดว่ามันวิเศษมากเลยนะ ที่ดูเหมือนว่าเขาจะใช้ชีวิตตามต้องการได้
คนที่ทำงานในฟาร์มก็จะให้ความสำคัญกับช่วงเวลา “ปัจจุบัน” ด้วยเหมือนกัน ทุกคนจะเต้นรำและเฉลิมฉลองร่วมกันเมื่อเก็บเกี่ยวผลไม้ที่ดี ผมได้พบเจอผู้คนมากมายที่ดำเนินชีวิตอย่างมั่นคงและซื่อสัตย์ตามหลักการของตนเอง ทำให้ผมรู้สึกว่าได้ปรับปรุงบุคลิกภาพของตนเองและทำให้ชีวิตของผมสดใสขึ้น
ขณะที่อยู่ในประเทศไทย ผมรู้สึกถึงจิตวิญญาณแห่งความท้าทายของผู้คนมากมายที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผมได้ลองสิ่งใหม่ ผมรู้สึกดีจริงๆ และกำลังสนุกอย่างแท้จริง ผมเริ่มคิดว่าอยากจะอยู่กับผู้คนแบบนี้ในประเทศแห่งนี้

 

ทำงานเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

– ที่ประเทศไทย จะให้ความสำคัญกับเรื่อง “ความสุข” ในการใช้ชีวิตและการทำงาน
คนในกรุงเทพฯ กับคนต่างจังหวัดจะให้ความรู้สึกต่างกัน ในชนบทนั้นจะทำงานเพื่อให้รู้สึกสบายใจและสนุกสนาน อย่างวันนี้รู้สึกไม่สนุกเลยทำงานช้า ๆ (หัวเราะ)

– มีความลำบากในเรื่องความต่างของวัฒนธรรมและธุรกิจระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นบ้างไหม
มีเยอะมากครับ ตัวอย่างเช่น ตอนที่ไปทัวร์ผมรู้สึกหงุดหงิดตอนที่พนักงานชาวไทยปล่อยให้ลูกค้ารอสักพักหนึ่ง เพื่อไปรับโทรศัพท์จากคนในครอบครัว เพราะที่ประเทศญี่ปุ่น ความตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าได้รับการสั่งซื้อผลไม้เข้ามา เราก็จะตรงต่อเวลาในการจัดส่งถูกไหมครับ แต่ที่ประเทศไทย บางครั้งผมก็ได้รับโทรศัพท์ในวันที่สั่งว่า “พระเจ้ายังไม่ได้ประทานผลไม้มาให้ (ผลไม้ยังไม่ออกผล) รออีกหนึ่งสัปดาห์ก็ไม่แน่ใจว่าจะประทานมาให้ไหม” (หัวเราะ)
พูดตามตรงเพราะผมยึดหลักการของตัวเองมากเกินไป เลยทำให้ประสบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเยอะมาก เป็นเวลา 1 ปี 2 เดือนแล้วตั้งแต่ผมเริ่มธุรกิจ และผมกำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ในตอนนี้

– อะไรคือเรื่องที่ต้องระวังตอนทำงานกับคนไทย
คิดว่าเป็นการคบเพื่อนครับ เราไม่ใช่แค่หุ้นส่วนทางธุรกิจที่คบกันเพียงเพื่อเงิน แต่เราเป็นเพื่อนกันด้วยครับ ลำดับความสำคัญในการทำธุรกิจที่ประเทศไทยคือ ครอบครัว เพื่อน และคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งมีหลายบริษัทที่มีความผูกพันกันแบบคนในครอบครัวที่ลึกซึ้งจริง ๆ และแน่นอนว่าผมไม่สามารถเป็นครอบครัวเขาได้ครับ ผมเลยพยายามเข้าหาด้วยความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือเพื่อนสนิทแทนครับ

– เราจะเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ผมคิดว่าอยากจะทำธุรกิจกับไร่โกโก้ที่จังหวัดน่าน ผมก็ไปเยี่ยมชมที่ไร่เลย เพราะว่าถ้าแค่สอบถามเข้าไป ปกติแล้วก็จะไม่ได้เข้าพบ
อย่างไรก็ตาม ผมก็จะลองไปก่อน และตอนที่เห็นพวกเขาจากที่ไกล ๆ ผมก็ตะโกนใส่พวกเขาด้วยเสียงที่ดังและสดใสว่า “ผมอยากกินช็อคโกแลต ผมอยากคุย ผมอยากเป็นเพื่อนด้วย!” จากนั้นผมก็เริ่มให้ขนมช็อกโกแลตญี่ปุ่นแก่พวกเขา และเราก็ค่อย ๆ เริ่มสนิทกัน และเราได้สร้างความสัมพันธ์แบบที่ไว้วางใจกัน โดยการให้เงินเพื่อเป็นการขอบคุณที่ให้ผมเก็บเกี่ยวผลผลิต
จากนั้นผมก็พูดในสิ่งที่ผมคิดกับพวกเขาว่า ประสบการณ์ที่ผมได้สัมผัสจากที่นี่นั้น มันวิเศษมาก จริง ๆ และผมก็อยากพาเพื่อนคนอื่น ๆ มาด้วย ในท้ายที่สุด ผมก็ทำให้ทัวร์มอนิเตอร์เกิดขึ้นได้จริง และผมยังอยู่ช่วยงานในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวมะม่วงด้วยนะครับ ด้วยเหตุนี้ ผลงานธุรกิจของผมก็เลยไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไร (หัวเราะ) ในด้านการลงทุนล่วงหน้านั้น ผมต้องใช้ทั้งเงินทั้งเวลาครับ และผมคิดว่าการบริหารจัดการนั้นยังไม่ค่อยดีนัก ซึ่งผมตั้งใจไว้ว่าจะสร้างระบบให้ดีในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ในด้านตัวบริษัทนั้น ผมกำลังมองหาใครสักคนที่จะมีความคิดว่า “ถ้าทำแบบนี้จะไม่ดีกว่าเหรอ” (หัวเราะ)

เส้นทางสู่อนาคต

– ดูเหมือนว่าคุณจะสร้างเส้นทางขึ้น ด้วยการวางหินกรวดบนพื้นที่เป็นหลุมเป็นบ่อ
แน่นอนว่าตอนนี้อาจจะรู้สึกเหมือนกำลังถอนหญ้าอยู่ครับ (หัวเราะ)
ถึงจะลำบากแต่มันก็สนุกดีเหมือนกันครับ แต่แม้ว่าจะลดค่าอาหารกลางวันลงเหลือ 1/3! และถึงแม้ว่าจะมีคนบอกว่าการลาออกจากงานต้องเสียเปล่าแน่ ๆ ! แต่ผมก็กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในฐานะตัวเอกในชีวิตของตัวผมเอง และมีความสุขกับชีวิต แม้แต่ครอบครัวของผมก็ยังพูดว่า “ดีจังเลยนะ ที่ลูกได้พบวิถีชีวิตที่เหมาะกับตัวเอง”
อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ผมสามารถทำเช่นนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร ก็เพราะว่านอกเหนือจากธุรกิจของตัวเองแล้ว ผมยังมีรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันผมกำลังทำงานโดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์การทำงานก่อนหน้านี้ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ ด้วยความที่งานของผมมีความเป็นอิสระสูง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมสามารถสร้างสมดุลระหว่างงานกับธุรกิจของตัวเองได้ครับ รู้สึกขอบคุณมากเลย ผมยุ่งมากแต่สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือการก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ครับ!

– สุดยอดเลย! แรงจูงใจของคุณวาตานาเบะมาจากไหน
ตัวผมเองก็เคยคิดว่าทำไมถึงพยายามได้ถึงขนาดนี้ แต่ก็น่าจะเป็นเพราะว่ามีเสียงตอบรับจากลูกค้าและคนท้องถิ่นที่คอยสนับสนุนผมครับ วันก่อนมีกลุ่มเด็กมัธยมต้นเข้าร่วมทัวร์ปีนเขา และได้เสียงตอบรับกลับมาว่า “เป็นประสบการณ์การเที่ยวที่ไม่สามารถทำได้คนเดียว” “อยากไปอีก” “ขอบคุณ” ซึ่งมันทำให้ผมดีใจมากเลยครับ
เรากำลังอยู่ในยุคที่ไปเที่ยวเพื่อสร้างคอนเทนต์ แต่ผมอยากจะให้ความสำคัญกับการไปเที่ยวที่ได้พบปะกับผู้คนมากกว่าครับ ถึงแม้ว่าการไปเที่ยวแบบนี้มันจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพนัก แต่ก็ไม่ควรถูกละทิ้งครับ และผมก็อยากจะท่องเที่ยวแบบนี้ต่อไปเพื่อพบปะผู้คนให้มากขึ้น

– รอยยิ้มของผู้ที่ร่วมงานด้วยจะกลายเป็นพลังบวกให้เราใช่ไหม อะไรคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณดำเนินธุรกิจในอนาคตต่อไป
เป้าหมายของผม คือการให้ผู้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ได้ทราบเกี่ยวกับเสน่ห์ของวัฒนธรรมท้องถิ่น ผู้คนและผลไม้ของประเทศไทย ผมอยากจะให้ความสำคัญกับรอยยิ้มของคนในหมู่บ้านที่ทำเพื่อความสนุกของตัวพวกเขาด้วยครับ ผมไม่อยากให้มันกลายเป็นว่าผมทำไปเพื่อเห็นแก่เงิน เพราะอย่างนั้นผมเลยจะระวังในการเป็นเพื่อนกับพวกเขา ผมคิดว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ว่าทำไมเพื่อนชาวไทยของผมถึงพูดเรื่องเงิน ผมเลยอยากจะตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาพูดและอยากหาทางแก้ไขร่วมกัน

– คุณอยากจะทำอะไรให้สำเร็จต่อจากนี้
ตั้งแต่ผมมาเมืองไทย มีหลายครั้งที่ผมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเพียงเพราะผมเป็นคนญี่ปุ่น ผมได้รับประโยชน์จากความไว้วางใจที่รุ่นพี่หลายคนสร้างไว้ให้ผม ผมอยากให้ญี่ปุ่นและไทยอยู่ในความสัมพันธ์ที่ดีต่อไป ผมจึงหวังว่าผมจะเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ในวงล้อ เพื่อให้การขับเคลื่อนเชิงบวกนี้ได้ดำเนินต่อไปครับ ผมอยากให้คนญี่ปุ่นได้เรียนรู้และเพลิดเพลินไปกับส่วนดี ๆ ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ แต่รวมไปถึงต่างจังหวัดด้วย และผมก็อยากได้ยินชาวบ้านบอกว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนดีและต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่นครับ
การดำเนินธุรกิจเป็นเรื่องที่ยากครับ ถึงจะเป็นธุรกิจเล็ก ๆ แต่ถ้าดำเนินต่อไปได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดี เมื่อมาประเทศไทย ผมก็หวังว่าทุกคนจะได้ร่วมทัวร์ท้องถิ่นหมู่บ้านไทย (ทัวร์หมู่บ้าน) และได้เห็นรอยยิ้มของคนไทยครับ